ในโลกที่มีการสำรวจและการค้นหาความศรรย์สละแห่งนี้ แต่ละบริเวณมีความรู้และความสนุกที่ไม่จำกัด วันนี้ เราจะนำเด็กๆเดินทางไปที่เส้นทางที่แห่งการค้นหาความศรรย์สละ บนโลกที่งดงามของเรา ผ่านการอ่านและปฏิสนท์ เด็กๆจะได้เรียนรู้ความรู้ชัดในเรื่องสัตว์ ไม้ อากาศและฤดูกาล ขณะที่ก็กระตุ้นความรักและความสนใจต่อธรรมชาติในใจของเขา พร้อมๆกับการเปิดเผยความอดทนของเราในการค้นหาความศรรย์สละที่น่าตื่นเต้นนี้!
ต้นไม้
เมื่อนานๆแล้ว ในป่าที่มีอาณาจักรเทศน์ มีหงอฉายที่มีความรู้เรื่องที่ตั้งชื่อว่าโอลิเวอร์ โอลิเวอร์รักเรียกเรื่องราวเผยแพร่กับเด็กๆที่มาเยือนป่า
หนึ่งวันที่ฝายแจ่มใส เด็กหญิงเล็กชื่อลิลี่กับครอบครัวของเธอมาเยือนป่า
โอลิเวอร์นั่งตะโกนบนกิ่งไม้ต้นต่ำและกล่าวว่า “สวัสดี ลิลี่! คุณอยากฟังเรื่องราวที่เกี่ยวกับป่าไหม?”
ลิลี่เอ่ยคิ้วอย่างเต็มไปด้วยความยินดี ตาของเธอกว้างกว้างเต็มไปด้วยความตื่นเต้น โอลิเวอร์ก็เริ่มเรื่องราวของตน
“ในใต้หัวไม้ป่า มีแม่น้ำที่มีแสงสว่างไหลผ่านไม้เรียบร้อย บนแม่น้ำนั้น มีครอบครัวของหนุนที่อาศัยอยู่ หนุนทำบ้านของพวกเขาในต้นไม้ ให้บ้านดังกล่าวแข็งแรงและมีความปลอดภัย
หนึ่งวัน พายุที่รุนแรงได้เกิดขึ้น แม่น้ำเริ่มขึ้นต้น หนุนต่างก็ทำงานร่วมกัน ใช้ฟันของพวกเขาที่แข็งแรงที่สุดเพื่อตัดไม้มากขึ้นเพื่อทำดัชนีสูงขึ้น ดัชนีนั้นหยุดน้ำไว้และบ้านของหนุนก็มีความปลอดภัย
แต่พายุไม่เพิ่งสิ้นเชิง ไม้ถูกโค่นลงมา บ้านของหนุนก็ตกอยู่ในความเสี่ยง โอลิเวอร์ หงอฉายที่มีความรู้ ได้เห็นเหตุนี้และบินไปยังหมู่บ้านเพื่อขอความช่วยเหลือ
ชาวบ้านมากันกับอุปกรณ์และช่วยหนุนก่อสร้างบ้านของหนุนใหม่ พวกเขาทำดัชนีที่แข็งแรงขึ้น และบ้านของหนุนก็มีความปลอดภัยอีกครั้ง
ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา หนุนและชาวบ้านกลายเป็นเพื่อนสนิทที่สุด พวกเขาทำงานร่วมกันเพื่อปกป้องป่าและทำให้ป่ามีความงดงามและมีความปลอดภัย
ลิลี่ฟังอย่างตะลึงตะลัน ใจเธอนิ่มใส่แน่นหนากับอาศัย ตอนที่โอลิเวอร์จบเรื่อง ลิลี่กล่าวว่า “เรื่องนี้ที่ดีที่สุด โอลิเวอร์! ฉันรักหนุนและหงอฉายที่มีความรู้”
โอลิเวอร์ยิ้มและกล่าวว่า “ขอบคุณ ลิลี่ ฉันมีความยินดีที่คุณชอบเรื่องนี้ จำไว้ว่าในป่า ทุกสัตว์มีบทบาทของตนเอง และเราควรทำงานร่วมกันเพื่อทำให้ป่ามีความงดงามและมีความปลอดภัย”
ลิลี่และครอบครัวของเธอออกจากป่าด้วยฝันใจที่มีความสุข และจากวันนั้นเป็นต้นมา พวกเขาก็ทำให้ป่าท้องถิ่นของตนมีความงดงามและมีความปลอดภัยด้วยการกระทำเล็กน้อยที่สร้างผลมาก
ปลา
บริเวณที่มีแสงแดดระลอกลมในช่วงบ่าย หมายเด็ด และเพื่อนๆของเขาตัดสินใจที่จะไปเล่นที่ทะเลสาบใกล้บ้าน。น้ำทะเลสาบวาบวาน ปลาที่ลอยอยู่ในน้ำเล่นอย่างอิสระและเหมือนกับที่กำลังเล่นเกมส์เล่นกัน。
“ดูว่าปลาหน้านี้เหมือนกันกับที่มีความน่ารัก!” หมายเด็ดตะลึงตะลึงกล่าว
“ใช่นะ น่าจะเหมือนกับที่เล่นบัลเล่งเด้ง!” หญิงเพื่อนของหมายเด็ดยิ้มยิ้มตอบ
หมายเด็ดและหญิงเพื่อนของเขาเข้าชมชายแห่งทะเลสาบเพื่อจะดูให้ละเอียดมากขึ้น พวกเขาพบว่าปลามีสีสันหลากหลาย บางตัวสีแดง บางตัวสีสีน้ำเงิน และบางตัวสีเหลือง ที่เหมือนกันที่มีสีสันประกอบกัน
“เราเฉยนี้ว่าสีของปลานี้มีที่น่ารักมาก!” หมายเด็ดตะลึงตะลึงกล่าว
“คุณรู้ไหมเลย ปลานี้เรียกว่าปลากินดอก นี่เป็นปลาที่คนๆหลายๆชอบเลี้ยงเป็นสัตว์เลี้ยง!” หญิงเพื่อนของหมายเด็ดชี้แจง
หมายเด็ดและหญิงเพื่อนของเขาดูต่อไป แล้วทันทีหนึ่งปลาใหญ่ขึ้นมาจากน้ำ สะเทือนน้ำเป็นแผ่น มันดูเหมือนกำลังวิ่งตามปลาเล็ก
“ดูว่าปลาใหญ่นี้กำลังจับปลาเล็ก!” หมายเด็ดตะลึงตะลึงกล่าว
“ใช่นะ นี่เป็นเกมส์ระหว่างปลา!” หญิงเพื่อนของหมายเด็ดยิ้มยิ้มตอบ
หมายเด็ดและหญิงเพื่อนของเขาใช้เวลาเล่นอย่างสนุกสนานที่ชายแห่งทะเลสาบ พวกเขาไม่เพียงแค่สวมแซงภาพที่งดงามแต่ยังได้รับความรู้เกี่ยวกับปลาด้วย พวกเขาตระหนักว่าทุกชีวิตในธรรมชาตินั้นมีความน่าสนใจและสำคัญมาก!
window -> หน้าต่าง
บนหมู่บ้านที่เรียบง่ายและสงบสุข มีหน้าต่างหนึ่งที่เห็นเหล่าวิกฤติของสมัยที่ผ่านมา และบรรจุความทรงจำรักและความอรรถอนามัยหลายราย. หน้าต่างนี้ตั้งอยู่บนบ้านเก่าแก่หนึ่ง ที่มีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานมากกว่านั้น.
แสงอาทิตย์ที่ผ่านลาดต่างหน้าต่างมาตกลงบนพื้นไม้ของบ้าน ทำให้เกิดร่องรอยแสงที่หลากหลาย. ในเช้าวันแรกของทุกวัน เมื่อแสงอาทิตย์รายแรกที่เข้ามา เจ้าของบ้านก็เริ่มงานวันของตน. เด็กๆ ร้องเล่นบนข้างหน้าหน้าต่าง การร้องเสียงและเสียงเล่นของพวกเขาได้ผ่านหน้าต่างและมาสู่ด้านนอก รวมกับเสียงร้องของระนันที่ก่อตัวเป็นเพลงประสานงามที่ยอดเยี่ยมที่สุดในเมืองนี้.
กับการเปลี่ยนแปลงของฤดูกาล หน้าต่างดูดฝันดูดฤดูใบติดของใบงามในฤดูใบไม้ผลิ ใบเขียวหนาในฤดูร้อน ผลไม้เจริญเต็มตัวในฤดูใบไม้ร่วง และหน้าต่างหิมะปกคลุมในฤดูหนาว. เมื่อคืนมืดลง โลกนอกหน้าต่างกลายเป็นที่สงบและเมื่อไหร่ก็มีแต่ไฟหม้อในในบ้านเป็นแหล่งแสงเดียวที่ประกอบด้วยความร้อนและความอรรถอนามัย.
หน้าต่างนี้ยังเป็นที่สร้างความรักของครอบครัวด้วย. เมื่อครอบครัวออกเดินทาง พวกเขาจะดูผ่านหน้าต่างนี้เพื่อคิดแฝงชีวิตของตนเองที่อยู่ไกลห่าง. และเมื่อมีคนกลับมาจากไกลห่าง พวกเขาก็เร่งรัดเปิดหน้าต่างเพื่อรับรับกันกลับมา.
สมัยการเวียนไปเวียนอย่างลับๆ นอกหน้าต่าง แต่ชีวิตในหลังหน้าต่างนั้นกลายเป็นมากยิ่งและงามมากขึ้นเพราะหน้าต่างนี้. มันไม่เพียงแค่ส่วนหนึ่งของบ้าน แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของบ้านเรือนที่ไม่มีอายุที่ในใจครอบครัวด้วย.
พายุฝนรุนแรง
อากาศร้อนระลอกในบ่ายวันร้อนเดือด ฝนตกลงมาหนาแน่นและเริ่มกลายเป็นท้องฝนที่รุนแรง และสายฝนหลากหลาย พายุร้อนเริ่มปะทุ และมีเสียงทอร์นโดแรงกวน กับเมฆมัวมัวที่เข้ามามีบริเวณกว้าง สาขาไม้สั่นไหวอย่างหนักเพราะเพื่อเตรียมพร้อมกับพายุที่จะมาถึง
แต่ละตัวของน้ำฝนเริ่มตกลงมาและเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และเริ่มกลายเป็นท้องฝนที่แรงมากขึ้น ไฟฟ้าแสวงเห็นได้ในท้องฝน และหลังจากนั้นเสียงระเบิดของพายุจึงปะทุขึ้น ดังเหมือนจะตัดแบ่งดินแดน
น้ำฝนที่ตกลงมากลายเป็นท้องฝนที่รุนแรงมากขึ้น น้ำฝนที่ตกลงบนหน้าต่างทำให้เสียงเบี้ยวเบาะวาดระลอกลอก ผู้คนทุกคนหลบเข้าไปในที่พัก ปิดหน้าต่างเพื่อไม่ให้น้ำฝนล้นลงมา ในขณะที่เด็กๆ แสวงหาดูไฟฟ้าและพายุที่น่าตื่นเต้นนี้
พายุรุนแรงนั้นดำเนินมาเป็นเวลาเกือบหนึ่งชั่วโมง จนกระทั่งน้ำฝนเริ่มหยุดลง ท้องฝนที่แสวงหาดูเริ่มเปิดอากาศ แสงแดดได้สลับผ่านเมฆที่มีบริเวณกว้าง น้ำฝนที่ลดลงได้ทำให้ถนนและอากาศมีความสะอาดมากขึ้น
หลังจากพายุเสร็จสิ้นลง ท้องฝนที่มีสีสดใหม่และแสงแดดที่มีความระเบิดมากขึ้น ทุกอย่างกลับมาสงบสุข ดูเหมือนว่าพายุนั้นไม่เคยเกิดขึ้นเลย
ลมเฉียด
ในหมู่บ้านที่สงบสุขนี้ มีบริเวณเกาะแก้วเก่าแก่หนึ่ง ซึ่งยืนยงอยู่บนแม่น้ำอย่างเงียบๆ โบราณสถานนี้เป็นสัญลักษณ์ของหมู่บ้าน โดยเครื่องเหล็กลมหายากของมันหมุนเร็วๆ ในลมเล็กน้อยและสร้างเสียงเสียดสีส้มๆ
เครื่องเหล็กลมนี้เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการขัดข้าวเลี้ยงด้วยแรงลม ในยุคที่ยังไม่มีไฟฟ้า มนุษย์ทำงานด้วยเครื่องเหล็กลมเพื่อขัดข้าวเลี้ยงในแบบที่เรียกว่าเมล็ดข้าวเลี้ยง เมื่อลมพัดเข้ามา หมุนเหล็กลมจึงหมุน โดยนำข้าวเลี้ยงเข้าไปในกรงข้าวเลี้ยง และขัดเป็นเกลือง
ออกแบบของเครื่องเหล็กลมนี้เป็นไปด้วยความละเอียด โดยมีหัวเครื่องลมที่มีลักษณะเป็นวงกลมขึ้นยังสูง หรือที่เรียกว่าหมวกลม ซึ่งสามารถจับตามาจากแรงลมได้ ต่อจากหมวกลมนั้นเป็นส่วนหลักของเครื่องเหล็กลม ซึ่งประกอบด้วยวงแฝงหลายแฝง เมื่อลมพัดผ่านหมวกลม วงแฝงจึงหมุน และขับเคลื่อนส่วนเครื่องเหล็กลมทั้งหมด
ในโบราณสถานนี้ มีคนที่จะดำเนินงานเครื่องเหล็กลม เพื่อนำข้าวเลี้ยงเข้าไปในกรงข้าวเลี้ยง กรงข้าวเลี้ยงประกอบด้วยหินรอบวงสองลูก ซึ่งหมุนกันในระหว่างที่เครื่องเหล็กลมหมุน และขัดข้าวเลี้ยงเป็นเกลือง กระบวนการนี้ต้องมีความเป็นระมัดระวังและความสามารถ เนื่องจากคุณภาพของเกลืองที่ขัดออกมาขึ้นอยู่กับความเร็วและความกดของกรงข้าวเลี้ยง
เมื่อเวลาผ่านไป โบราณสถานนี้กลายเป็นจุดศูนย์กลางของหมู่บ้าน ชาวบ้านจะมาที่นี่เพื่อแลกเปลี่ยนข่าวสาร และพูดถึงเรื่องราวประจำวันของชีวิตประจำวัน บรรดาเด็กๆ จะเล่นเลียนรอบๆ โบราณสถานนี ได้ฟังบรรดาผู้ใหญ่บอกเรื่องราวเกี่ยวกับเครื่องเหล็กลมและโบราณสถานนี
เมื่อคืนมาถึง หมุนเหล็กลมจะหยุดหมุน โบราณสถานนีจึงเข้าสู่ช่วงเวลาที่เงียบๆ แต่เมื่อลมพัดขึ้นในวันต่อมา หมุนเหล็กลมจะเริ่มหมุนอีกครั้ง และยังคงให้หมู่บ้านด้วยข้าวเลี้ยงที่จำเป็น
เครื่องเหล็กลมนี้ไม่เพียงแค่แหล่งพลังงานของหมู่บ้าน แต่ยังเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตของชาวบ้านด้วย มันเป็นหลักฐานของประวัติศาสตร์ของหมู่บ้าน และมีความทรงจำและความหวังของประชาชนอยู่ด้วย
หนูแกะ
ในเช้าวันที่มีแสงแดดอมและระเบิด เด็กชายนายมิง และเพื่อนนกของเขา นายโหลต้องเล่า ได้เล่นด้วยกันในสวนหลากหลายสีที่มีอยู่ในสวนของนายมิง และโหลต้องกระโดดด้วยความสนุกสนานบนหลังนายมิง
นายมิงเห็นโหลต้องบอก “โหล ครับ คุณรู้ว่ามีนกอะไรบ้างที่ติดอยู่รอบเราหรือไม่?” โหลเหนือหัวอย่างที่ยังคิดครอบครองอะไรบ้าง โหลต้องบอกตอบ “รับที่เรียก รับที่เรียก! มีนกตะนุ่ม นกฝูง นกหลง นกแซง และนกกินดอกที่งดงามด้วย”
นายมิงยิ้มและบอก “โหล ครับ คุณรู้เสียงเรียกของนกเหล่านี้ไหม? เราอยู่ที่จะเรียนรู้ด้วยกัน”
จึงมีนายมิงและโหลตั้งขอบเขตการเรียนรู้เกี่ยวกับนกด้วยการนำเสนอเสียงเรียกของนกต่างๆ โดยการนำเสนอเสียง “เจี้ยงเจี้ยง” ของนกตะนุ่ม คำเรียก “กุกกุก” ของนกฝูง คำเรียก “เชิ้ยเชิ้ย” ของนกหลง คำเรียก “เซาะเซาะ” ของนกแซง และเสียง “หวางหวาง” ของนกกินดอกที่เปิดแผง
นายมิงบอก “โหล ครับ คุณจะคาดได้ว่าเรานำเสนอเสียงเรียกของนกไหนบ้าง?” โหลเลี้ยงหางด้วยการบอก “ต้องกล่าวว่าจะได้!”
นายมิงยังคงนำโหลต่อไป “แล้วเราเล่นเกมส์เล็กน้อยนี้ ฉันบอกชื่อนก คุณคาดเห็นว่าเป็นนกไหน”
นายมิงเริ่มบอก “นกนี้มีขนสีเข้มขาว ร่างกายยาว มีเสียงเรียกคือ ‘กุกกุก’ มันมักที่จะบินลอยบนสวนสาธารณะ”
โหลคิดแล้วก็ตอบยินดี “รับที่เรียก รับที่เรียก! นกคือนกประกาย”
นายมิงชื่นชม “แล้วตอบติด โหล ครับ! แล้วฉันจะบอกอีกครั้ง”
“นกนี้มีขนสีเทา ร่างกายเล็ก มีเสียงเรียกคือ ‘เจี้ยงเจี้ยง’ มันชอบจะกระโดดบนต้นไม้”
โหลตอบตัวเอง “นกคือนกตะนุ่ม”
นายมิงยิ้มและบอก “น่ารักเหลือนี้ โหล ครับ! รู้ไหมว่าคุณติดตามได้ดีเลย”
และนั้นเป็นที่ที่นายมิงและโหลได้สักทีฝากเวลาในสวนอย่างสนุกสนาน ไม่เพียงแต่เรียนรู้เสียงเรียกของนก แต่ยังมีความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งมากขึ้นด้วยกันด้วย
ดอกไม้
ฝั่งดงดอกสีสันสลับสลับเป็นมหาสมุทร ดอกไม้ต่างๆ แข่งขันกันดีดระลึกของสวยงาม และพัดกระจายสีหรูสะนึกน่ารัก ภายใต้แสงแดดอันร้อนระอุด แมงดามีและบังคับดินมองดูเพลินตัวในดอกไม้ ตั้งแต่ภาพสวยงาม
ในฤดูใบไม้ผลิ ดอกแย้มหยิบหน้ากลิ้งลมชาติ บานดอกด้วยแผ่นกาบดอกสีชมพูเพียงเล็กน้อย ดูเหมือนเด็กหญิงที่เลี้ยงตัวอยู่ ดอกชานงิ้วเหนือคลื่นเทียมลอยลอยลงมา ทิ้งแผ่นกาบดอกสีชมพูที่มองเห็นในอากาศ ทิ้งทอดผ้าคลุมดินด้วยสีชมพู
ในฤดูร้อน ดอกหงายบานด้วยดอกที่ยอดเยี่ยม ยืนยาวอย่างสง่างาม ใบเขียวทิ้งทอดทำนองดอกด้วยสีชมพูและขาว พัดกระจายกลิ่งเสียงสดใส ดอกข้าวโพดต่อแสงอาทิตย์และยิ้มต่ออาทิตย์ แสดงออกถึงกำลังใจและชีวิตที่มีกำลัง
ในฤดูใบไม้ร่วง ดอกทับชายมีกลิ่งสวยงาม ใบเหนือสีเหลืองเมื่อผสมกับดอกสีม่วง ทำเป็นภาพที่เหมาะสมกับภาพฝนที่ตกและฝันที่ลอยลงมา ดอกชานงิ้วบานด้วยสีสันสลับสลับ ดูเหมือนภาพเขียนที่งดงาม
ในฤดูหนาว หิมะตกลงทับทั้งแผ่นดิน ทำให้โลกมีผ้าเงาขาวเล็กน้อย ดอกบัวยิ้มในหิมะตก บานด้วยตัวเดียวโดยไม่มีใครร่วม แสดงออกถึงแรงใจและชีวิตที่แข็งแกร่ง
ดอกไม้ในทุกฤดูกาลที่มีลักษณะเฉพาะของตนเอง ทำให้โลกมีสวยงามและเสมอสมาน โดยที่มันตกแต่งโลกด้วยสวยงามของตนเอง และทำให้มีความดีและความประหลาดใจมากมายให้กับมนุษย์
แม่น้ำ
ในเช้าวันที่มีแสงแดดสว่างมาก ชายเด็กชื่อเจ็ก และน้องสาวของเขา ซูซี่ ตัดสินใจที่จะไปเล่นที่แม่น้ำ。น้ำในแม่น้ำชัดเจนสามารถเห็นเห็นได้ชัดเจน และมีลมเหนียวนุ่ม ขณะที่แนวของแม่น้ำเติบโตด้วยต้นไม้ที่มีร่มและดอกไม้งาม พวกเขาเดินตามหน้าทางเล็กบนแนวแม่น้ำ และชมภาพสง่าในระหว่างทาง。
อย่างไรก็ตาม พวกเขาได้ฟังเสียงเสียงร้องแหลมของบรรยากาศ และพบว่าเป็นหนูปลายที่มีตัวเล็กๆ ที่กำลังเล่นน้ำในแม่น้ำ หนูปลายนั้นมีองค์กำลังดำดับเข้าน้ำและปล่อยตัวขึ้นมาด้วยทันที เหมือนกับที่กำลังตอบเลิดเจ็กและซูซี่ พวกเขาจึงหลั่งเสียงเพลินและเริ่มตามหนูปลายเดินทาง เสียงเสียงเพลินและเสียงเสียงสวยสวางแหลมหลายเสียงเข้าปะทะกันที่แม่น้ำ
น้ำในแม่น้ำได้ไหลช้าๆ ผ่านบริเวณสนับสนุนและดินแดนที่เต็มไปด้วยหญ้าเขียวตก และหนูปลายที่มีชีวิตและความมีบุคลิกนั้นยังมีความสามารถที่จะกระตุ้นกลับขึ้นมาด้วยการกระตุ้นขึ้นมามากมาย จิ๊กและซูซี่อยู่หน้าแม่น้ำ ชมเห็นหนูปลายที่กำลังเล่นน้ำ และรู้สึกกับความงามของธรรมชาติ
ต้นไม้ข้างแม่น้ำหนาแน่นเหมือนปกคลุม แสงแดดสว่างรั่วผ่านใต้ต้นไม้สร้างแบบแสงเงาบางบางที่ข้างใต้พื้นดิน จิ๊กและซูซี่นั่งอยู่ใต้ร่มต้นไม้และนำอาหารที่พวกเขาได้นำมา รับประทานอาหารอย่างอิ่มใจและชมภาพวิวแม่น้ำ
หลังจากการรับประทานอาหาร เจ็กและซูซี่ยังคงเดินบนแนวแม่น้ำ และพบแมวขนหนาที่กำลังอยู่บนแนวแม่น้ำที่กำลังรับแสงอาลัย แมวนั้นนอนอย่างละลายเล็กละลาย รับรองแสงอาลัยอยู่ด้วยความสบาย จิ๊กและซูซี่เข้าชมอย่างอิ่มใจและมีความสุขเมื่อเข้าชมแมวนั้นและตั้งข้อสัมผัสด้วยสะดวก
เดินตามหน้าทางแม่น้ำต่อไป เจ็กและซูซี่มาถึงสะพานเล็ก น้ำใต้สะพานได้ไหลหลายเสียง ผู้คนเดินข้างสะพานหลายๆ คน จิ๊กและซูซี่หยุดนอนที่สะพาน ชมน้ำที่ไหลข้างล่างสะพาน และรู้สึกกับความงามและความสง่าของน้ำ
ในวันนั้นเจ็กและซูซี่ได้พิชิตวันที่มีความสุขที่แม่น้ำ พวกเขาได้สัมผัสกับธรรมชาติอย่างใกล้ชิดและรู้สึกกับความงามและความมีชีวิตของชีวิต ในทางกลับบ้านพวกเขาเดินกลับไปด้วยความยินดีและเล่ากันเกี่ยวกับสิ่งที่พวกเขาเห็นและประสบในวันนั้น หวังว่าจะมีการประสบกันอีกครั้งในอนาคต
ทะเลสาบ
วันที่มีแสงอาทิตย์ระลอกเหนือ ลูกชายตามชื่อมิ่ง และเพื่อนๆของเขามาที่ทะเลสาบที่มีภาพรวมที่งดงามนี้。น้ำทะเลสาบชัดเจนเห็นเห็นได้ถึงพื้นน้ำ หลายเหลืองเหลือง และมีลมลมหลังเหลืองทะเลสาบ ข้างทะเลสาบมีต้นไม้เขียวร่มม่าย และมีนกตะโกนและดอกไม้หนาวนี้เป็นแสงสีสันที่ดึงดูดตาผู้คน
- พื้นน้ำทะเลสาบกว้างขวาง มีแสงเหลืองเหลืองเป็นแบบเหมือนกับกล้องสมมติที่สะท้อนความสดใสของท้องฟ้าและรูปร่างของก้อนเมฆ
- ชายทะเลสาบมีหญ้าสีเขียวที่เต็มเต็ม และบางครั้งยังเห็นดอกไม้ดอกบางตาตกลงที่เพิ่มความงามแก่ชายทะเลสาบthree. ชายทะเลสาบมีต้นไม้มากมาย มีรังเรืองและเขียวร่มม่ายที่ปกคลุมทะเลสาบ และยังดึงดูดนกหลายสายมาอาศัยด้วย
- ในน้ำทะเลสาบมีปลาหลายสายที่เล่นลอยอย่างอิสระในน้ำ บางครั้งยังกระโดดขึ้นมาก่อนจะกลับลงไป สร้างรอยลายหลายรอยลายลงในน้ำfive. ชายทะเลสาบยังมีสะพานเล็กๆเชื่อมต่อระหว่างทางข้างของทะเลสาบ ที่สะพานมักมีเสียงเสียงรำคาญของเด็กๆที่เล่นอยู่บนสะพาน
มิ่งและเพื่อนๆของเขาเล่นอยู่ที่ชายทะเลสาบ พวกเขารีดหินเข้าทะเลสาบ ดูสายน้ำที่ปักปิดขึ้น และรู้สึกความเย็นของน้ำทะเลสาบ ภาพทะเลสาบที่มีความงามอย่างนี้ทำให้คนรู้สึกเปิดใจและสบายใจมาก
ภูเขา
ห่างไกลไปทางด้านหลังของภูเขานี้ มีภูเขาสูงมากที่เหมือนจะสูงขึ้นสู่ฟ้า ซึ่งชื่อว่า “ภูเขายักษ์” เพราะความสูงของมันเกือบจะสูงไปถึงท้องฟ้าอยู่แล้ว ที่รากภูเขา ต้นไม้ที่บานและแม่น้ำที่หลั่งเสียงไหลนั้นแสดงถึงชีวิตที่มีชีวิตชีวาย
เมื่อฤดูใบไม้ผลิมาถึง หญ้าบนภูเขายักษ์บานด้วยดอกไม้สีสันตาสวรรค์มากมาย ดึงดูดชาวบ้านมาชม ในฤดูร้อน ภูเขายักษ์จะมีเมฆหลอดหลั่งเหมือนตรงกับสวรรค์ ในฤดูใบไม้ตก งิ้วไม้ที่บนภูเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงและสีเหลือง เหมือนภาพเขียนที่งดงาม และในฤดูหนาว ภูเขายักษ์ถูกหิมะปกคลุม ดูเหมือนเทพีที่มีชุดหน้าเหลือง
บนภูเขายักษ์มีทางหลวงที่เลื่อนไปยังจุดสูงสุด ตามทางนี้ ชาวบ้านสามารถมองเห็นสัตว์ป่าและพืชพรรณที่มีค่าหายากหลายชนิด และสนุกสนานกับความงดงามของธรรมชาติ ที่จุดสูงสุดมีทางดูแนวที่นั่งพัก นั่งบนทางดูแนวนี้ ชาวบ้านสามารถมองเห็นทั้งหมดของหุบเขา สงบสุขอย่างไม่รู้จัก
ที่รากภูเขามีหมู่บ้านเล็กๆ ที่ชาวบ้านมีชีวิตอยู่ตลอดกาล พวกเขาปลูกชา เลี้ยงปศุสัตว์ ชีวิตสงบสุขและสบายๆ ในทุกๆ ครั้งที่ชาวบ้านเห็นนักท่องเที่ยวมา พวกเขาจะต้องการต้อนรับพวกเขาอย่างดีและแบ่งปันชีวิตของพวกเขา
ภูเขายักษ์ไม่เพียงแค่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่งดงาม แต่ยังเป็นที่ที่มีเรื่องราวอีกด้วย ที่นี่เกิดขึ้นเรื่องราวที่น่าสนุกและที่เหลือเหตุใจมากมาย ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่ขึ้นภูเขายักษ์ด้วยความกล้าหาญ หรือนักชมภูเขาที่มาสักที ทุกคนจะมีรอยเท้าของตนเองที่นี่
นี่คือภูเขายักษ์ ที่ทำให้คนรู้สึกเปิดใจ อยู่มากมาย มันยืนอยู่ที่นั่นโดยปลอดภัย พยายามให้เห็นการเคลื่อนไหวของวันและคืน และบอกเรื่องราวของมันมากมาย